วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560




ประเทศกัมพูชา (Cambodia )





ธงชาติประเทศกัมพูชาติ

  ธงชาติกัมพูชา ลักษณะผืนธงแบ่งตามแนวยาวเป็น 3 ริ้ว โดยริ้วตรงกลางจะเป็นสีแดง กว้าง 2 ส่วน มีรูปปราสาทหินนครวัดสามยอดสีขาวอยู่บริเวณกึ่งกลาง ขณะที่ริ้วด้านนอกทั้ง 2 ด้าน มีสีน้ำเงิน และกว้างริ้วละ 1 ส่วนเท่า ๆ กัน โดยสีต่าง และสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของธง มีความหมาย ดังนี้
  • สีน้ำเงิน หมายถึง กษัตริย์
  • สีแดง หมายถึง ชาติ
  • ส่วนปราสาทนครวัดสีขาว หมายถึง สันติภาพ



เมืองหลวงคือ กรุงพนมเปญ (Phnom Penh)



กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา  กรุงพนมเปญเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ราชธานีพนมเปญ ตั้งอยู่ทางตอนกลาง (ค่อนไปทางใต้ของประเทศ) มีเนื้อที่ 678 ตารางกิโลเมตร มีประชากรหนาแน่นราว 2,000,000 คน พนมเปญถือว่าเป็นเมืองใหญ่และสำคัญที่สุดของประเทศกัมพูชา เป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองและการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงการลงทุนจาต่างประเทศ ในยุคล่าอาณานิคมพนมเปญตกอยู่ภายใต้การยึดครองของฝรั่งเศส และได้รับเอกราชเมื่อปี ค.ศ. 1953


ดอกไม้ประจำชาติ


ดอกลำดวน  กัมพูชามีดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกลำดวน (Rumdul) ดอกไม้สีขาวปนเหลืองนวล กลีบดอกหนาทึบและแข็งเล็กน้อย มีกลิ่นหอมเย็นแบบกรุ่น ๆ ถูกจัดเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งเพราะมีความหมายถึงความสดชื่นหอมกรุ่น และเป็นดอกไม้สำหรับสุภาพสตรี วิธีปลูกที่ถูกต้อง ต้องปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้าน ที่สำคัญต้องปลูกในวันพุธ

ลักษณะภูมิประเทศ






ลักษณะภูมิประเทศ โดยทั่วไปมีทั้งที่ราบลุ่ม ที่ราบสูง และภูเขา พื้นที่ภูมิประเทศมีลักษณะคล้ายอ่างเก็บน้ำ กล่าวคือ พื้นที่ตอนกลางของประเทศเป็นที่ราบลุ่ม ระหว่างแม่น้ำโขงกับแม่น้ำบาสสัค (Bassac) และมีทะเลสาบขนาดใหญ่ ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนรอบ ๆ ประเทศมีเทือกเขาสลับซับซ้อน ติดต่อกันเป็นแนวยาวสูงประมาณ ๑,๔๐๐ เมตร อยู่ติดกับประเทศไทย ตั้งแต่จังหวัดจันทบุรีทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตลอดไปทางด้านทิศเหนือ ส่วนภูเขาที่เป็นหย่อม ๆ มีอยู่บริเวณเกาะกง กำปงโสม และกำปงสะบือ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ



ที่ตั้ง กัมพูชา


ที่ตั้ง กัมพูชา ตั้งอยู่กลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดน- ทิศเหนือติดกับราชอาณาจักรไทย (จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์) และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ( อัตตะปือและจำปาสัก)
ทิศตะวันออกติดกับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (จังหวัดกอนทูม เปลกู ซาลาย ดั๊กลั๊ก ส่องแบ๋ เตยนิน ลองอาน ด่งท๊าบ อันซาง และเกียงซาง)
ทิศตะวันตกติดกับราชอาณาจักรไทย (จังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด)
ทิศใต้ติดอ่าวไทย
                                   


ประชากร
มีจำนวนประชากรประมาณ 14.13 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา รองลงมาคือ เวียดนาม จีน และอื่นๆ






ศาสนา 



ศาสนาประจำชาติ คือ ศาสนาพุทธ นิกายเถรวาท (แยกเป็น 2 นิกายย่อย คือ ธรรมยุตินิกายและมหานิกาย) และศาสนาอื่นๆ อาทิ ศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์


ภาษา  ภาษาเขมรเป็นภาษาทางการ ส่วนภาษาที่ใช้โดยทั่วไป ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเวียดนาม ภาษาไทย และภาษาจีน

คำทักทายพูดคุย
สวัสดี
ซัวซไดย
สวัสดี(ตอนเช้า)
อรุณซัวซไดย
สบายดีหรือ
ซกสะบายดี (ถาม)
สบายดีค่ะ(ครับ)
 ซกสะบายดี
ขอให้มีสุขภาพดี
สุขะเพียบละออ
ขอลา
โซ้มเรีย
ผม, ฉัน
ขยม
ลาก่อน

เรียนซันเฮย



การแต่งกาย

กัมพูชาคือ ซัมปอต (Sampot) หรือผ้านุ่งกัมพูชา ทอด้วยมือ มีทั้งแบบหลวมและแบบพอดี คาดทับเสื้อบริเวณเอว ผ้าที่ใช้มักทำจากไหมหรือฝ้าย หรือทั้งสองอย่างรวมกัน
ผู้หญิง  มีความคล้ายคลึงกับผ้านุ่งของประเทศลาวและไทย ทั้งนี้ ซัมปอดมีหลายแบบซึ่งจะแตกต่างกันไปตามชนชั้นทางสังคมของชาวกัมพูชา ถ้าใช้ในชีวิตประจำวันจะใช้วัสดุราคาไม่สูง ซึ่งจะส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น นิยมทำลวดลายตามขวาง ถ้าเป็นชนิดหรูหราจะทอด้ายเงินและด้ายทอง
-  ผู้ชาย นุ่งผ้าโจงกระเบน ใส่เสื้อคอปิด ขัดกระดุมห้าเม็ด

ศิลปะวัฒนธรรม





ประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัฒนธรรมประเพณีจึงมีความเกี่ยวข้อง กับประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และวิถีชีวิตของคนในประเทศ ศิลปวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์
ระบำอัปสรา (Apsara Dance)   เป็นการแสดงนาฏศิลป์ที่โดดเด่นของกัมพูชา ซึ่งถอดแบบการ แต่งกายและท่าร่ายรำมาจากภาพจำหลักรูปนางอัปสรที่ปราสาทนครวัด นางอัปสราตัวเอกองค์แรก คือ เจ้าหญิงบุพผาเทวี พระราชธิดาในเจ้าสีหนุ เป็นระบำที่กำเนิดขึ้นเพื่อ เข้าฉากภาพยนตร์เกี่ยวกับนครวัดที่กำกับโดย Marchel Camus ชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า L”Oiseau du Paradis ก็คือ The Bird of Paradise หลังจากนั้น ระบำอัปสรา ก็เป็นระบำขวัญใจชาวกัมพูชา ใครได้ เป็นตัวเอกในระบำอัปสรานั้นเชื่อได้ว่า เป็นตัวนางชั้นยอดแห่งยุคสมัยนครวัด เป็นอุดมคติแห่งชาติกัมพูชา นางอัปสราในนครวัดก็เป็นอุดมคติแห่งสตรีเขมร ดังนั้นการชุบชีวิตนางอัปสราออกมาเป็น ระบำระดับชาตินั้นมีความหมายในเชิงชาติพันธุ์นิยม เพื่อให้เข้าถึงสัญลักษณ์สูงสุดแห่งสตรีแขมร์ ระบำอัปสรามีชื่อเสียง ขึ้นมาด้วยการอิงบนความยิ่งใหญ่ของนครวัด และระบำอัปสราก็จำลองภาพสลักที่แน่นิ่งไร้ความ เคลื่อนไหวในนครวัดให้หลุดออกมามีชีวิต ดอกไม้เหนือเศียรนางอัปสราส่วน ใหญ่ในปราสาทนครวัดคือ ดอกฉัตร พระอินทร์ เนื่องจากรูปทรงของดอกชนิดนี้พ้องกันกับภาพสลัก เขมรเรียกดอกไม้ชนิดนี้ ว่า ดอกเสนียดสกเสนียด คือสิ่งที่เอามาเสียด และสก คือผม ชื่อของดอกไม้บ่งบอกว่าเป็นดอกสำหรับเสียดผม เข้าใจว่าสมัยโบราณสตรีชั้นสูง ของเขมรคงประดับ ศีรษะด้วยดอกไม้หลายชนิด หนึ่งในนั้นคือดอกฉัตรพระอินทร์ ดังหลักฐานภาพสลักนางอัปสรา ที่พบ ในปราสาทหินขอม ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของช่างสลักจากที่ได้เห็นของจริง




กันตรึม
กัน ตรึม เป็นวงดนตรีพื้นบ้านที่นำเอาจังหวะตีโทน โจ๊ะ คะ ครึม ครึม มาเป็นชื่อ่ดนตรีเรียกว่า "กันตรึม" ซึ่งหมายถึงเสียงของโทนนั่นเอง บทร้องกันตรึมจะใช้บทร้องเป็นภาษาเขมร การเล่นกันตรึมนิยมเล่นในงานมงคลต่างๆเช่น งานแต่งงาน งานโกนจุก บวชนาคหรืองานเทศกาลต่างๆ
ผู้เล่นคนตรี ในวงกันตรึมจะมีประมาณ 6 – 8 คนผู้ร้องอาจมี 1 -2 คู่ หรือชายหนึ่งคนหญิงสองคน แต่โดยทั่วไปนิยม
วิธีการเล่นกันตรึม ก่อนการเล่นกันตรึมต้องมีพิธีไหว้ครูเพื่อความเป็นศิริมงคลทั้งผู้เล่นและ ผู้ดู เมื่อไหว้ครูเสร็จก็จเริ่มบรรเลงเพลงเป็นการโหมโรงเพื่อเป็นการปลุกใจให้ผู้ ดูรู้สึกตื่นเต้น และผู้แสดงได้เตรียมตัว จากนั้นจะเริ่มแสดงโดเริ่มบทไหว้ครูก่อน วิธีการร้องจะโต้ตอบกันระหว่าง ชาย-หญิง มีการรำประกอบการขับร้องแต่ไม่มีลูกคู่รับ 


การละเล่นพื้นบ้าน


เรือมอันเร
เรือ ม แปลว่า "รำ" อันเร แปลว่า "สาก" ดังนั้น เรือมอันเรจึงแปลว่า การรำสาก การเรือมอันเรนั้นจะเล่นกันในช่วงของวันหยุดสงกรานต์โดยชาวบ้านจะเล่นเรือมอันเรที่ลานบ้านหรือว่าลานวัด
เครื่องดนตรี การเรือมอันเรมีการใช้เครื่องดนตรีประกอบคือ กลองโทน 1 คู่ ปี่ใน 1 เลา ซออู้เสียงกลาง 1 คัน ฉิ่ง กรับ ฉาบ อย่างละ 1 คู่ และมีอุปกรณ์ประกอบการเล่นเรือมอันเรคือ สาก 2 อัน ยาวประมาณ 2-3 เมตร ทำจากไม้เนื้อแข็ง มีหมอนวางรองหัว- ท้ายสาก มีความยาว 1.50 เมตร สูงประมาณ 3-4 นิ้ว
การแต่งกาย แต่เดิมไม่พิถีพิถัน แต่งกายตามสบาย แต่หากแต่งให้สวยงามตามประเพณีแต่โบราณ คือ ชายโจงกระเบน สวมเสื้อคอกลมแขนสั้น ผ้าขาวม้าคาดเอวและพาดไหล่ หญิงนุ่งผ้าไหมพื้นเมือง เรียกว่า "ซัมป็วตโฮล" สวมเสื้อแขนกระบอกมีสไบพาดไหล่มามัดรวบไว้ที่ด้านข้าง สวมเครื่องประดับ และมีดอกไม้ทัดหู ทำนองและจังหวะในการรำ ในการรำในสมัยก่อนมีเพียง 3 จังหวะ คือ จังหวะจืงมูย(ขาเดียว) จังหวะมลปโดง(ร่มมะพร้าว) จังหวะจืงปีร์(สองขา) ต่อมามีการพัฒนาท่ารำเพิ่มขึ้นรวมเป็น 5 จังหวะ ดังนี้
จังหวะไหว้ครู  จังหวะกัจปกา  จังหวะจืงมูย   จังหวะมลปโดง  จังหวะจืงปีร์ 

อาหารประจำชาติกัมพูชา



- อาม็อก (Amok) เป็นอาหารคาวยอดนิยมของกัมพูชา มีลักษณะคล้ายห่อหมกของไทย โดยเป็นการนำเนื้อปลาสด ๆ ลวกพริกเครื่องแกง และกะทิ แล้วทำให้สุกโดยการนำไปนึ่ง ซึ่งนอกจากจะใช้เนื้อปลาแล้ว อาจเลือกใช้เนื้อไก่แทนก็ได้ ส่วนสาเหตุที่คนในประเทศกัมพูชานิยมรับประทานปลา เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของกัมพูชามีแหล่งน้ำอุดสมบูรณ์ ทำให้ปลาเป็นอาหารที่หารับประทานได้ง่ายนั่นเอง



สัตว์ประจำชาติ


กูปรี หรือ โคไพร

       “กูปรีหรือ โคไพรเป็นสัตว์ประจำชาติของประเทศกัมพูชา (เจ้านโรดมสีหนุแห่งกัมพูชาทรงประกาศให้กูปรีเป็นสัตว์ประจำชาติของกัมพูชา) กูปรีเป็นสัตว์จำพวกกระทิงและวัวป่า มักอยู่รวมเป็นฝูง โดยฝูงหนึ่งอาจมากถึง 20 ตัว กูปรีจัดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่พบเห็นได้ยากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก พบได้ทางเหนือของประเทศกัมพูชา ทางใต้ของลาว ทางตะวันตกของเวียดนาม และทางตะวันออกของไทย ปัจจุบันไม่มีการรายงานการพบมานานแล้ว เชื่อว่าอาจจะยังพอมีหลงเหลืออยู่ในชายแดนไทยกับกัมพูชาแถบจังหวัดศรีสะเกษ ราวปี พ.ศ. 2507 มักจะมีข่าวว่าพบสัตว์ลักษณะคล้ายกูปรีอยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่น่าเชื่อถือพอ นอกจากคำเล่าลือเท่านั้น






ข้อมูลเพิ่มเติม>> http://mylovecambodialve.blogspot.com/p/blog-page.html

สมาชิกในกลุ่ม

นางสาวพัชริทนร์   วิสา         รหัสนักศึกษา 57103304120
นายสมศักดิ์   พรหมพักตร์    รหันักศึกษา 57103304133
นางสาวสุนิสา  จันโทนวน     รหัสนักศึกษา 57103304135
นางสาวสุทธิดา  สีนาทนาวา รหัสนักศึกษา 57103304141
นางสาวพัชราภรณ์  รักบุญ     รหัสนักศึกษา 57103304144


  อ้างอิง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น